อาหารไทยร่วมสมัยอาจจะฟังแล้วขัดหูใครหลายคน คนหัวเก่าคิดว่าเทคนิคสมัยใหม่จะทำลายความอร่อยและงดงามของอาหารไทยฝีมือคุณย่าที่พวกเขาคุ้นเคย หลาย ๆ คนคิดว่าถ้าอาหารแบบเดิม ๆ ดีอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไร แต่ในช่วงหลายปีหลัง ร้านอาหารเริ่มหันมาคิดนอกกรอบ เหล่าเชฟกล้าที่จะนำเทคนิคแปลกใหม่มารังสรรค์อาหารไทยที่ช่วยสร้างชื่อเสียงให้ร้าน และเพิ่มความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ทาน
กรุงเทพฯ
ฤดู (รางวัล 1 ดาวมิชลิน)
ฤดูเป็นร้านในฝันของใครหลาย ๆ คน เมนูที่ร้านมีทั้งแบบ a la carte ที่คุณสามารถเลือกอาหาร 1 อย่างจากแต่ละหมวดหมู่ (มีทั้งหมด 4 หมวดหมู่ ได้แก่ Cold Dish From the Forest & Sea From the Ranch และขนมหวานจากหมวดหมู่ Sin) หรือจะสั่ง tasting menu แบบ 4 หรือ 6 คอร์สเพื่อสัมผัสประสบการณ์มื้อค่ำที่รังสรรค์ขึ้นจากวัตถุดิบอันหลากหลายอย่างเต็มที่เจ้าของและหัวหน้าเชฟอย่างเชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร เป็นที่รู้จักกันดีในวงการอาหารไทย และยังเป็นหนึ่งในกรรมการรายการ Top Chef Thailand อีกด้วย เมนูที่ร้านหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามฤดู สร้างความตื่นเต้นทุกครั้งที่คุณกลับมาร้าน ทางร้านยังเน้นใช้เฉพาะวัตถุดิบในประเทศเพื่อรังสรรค์อาหารไทยสมัยใหม่อีกด้วย
ตอนนี้ เมนู Cold Dish ที่เราแนะนำจะเป็นข้าวแช่สูตรเฉพาะของฤดู คุณจะได้ทานหมูและกุ้งคู่กับไอศกรีมมะลิ ถือเป็นความกล้าทดลองที่คุณย่าคุณยายคงนึกไม่ถึง แต่ถ้าเลือกเมนูปลากะพงขาว คุณจะได้สัมผัสความสดจากท้องทะเลเสิร์ฟเย็น เพิ่มความสดชื่นด้วยแตงโมและครีมทำจากปลารมควัน เมนูในหมวดหมู่ From the Forest & Sea มีตั้งแต่ปลาเค็มราดแกงฉู่ฉี่เข้มข้น ไปจนถึงกุ้งแม่น้ำเสิร์ฟพร้อมข้าวคลุกกะปิ ในส่วนของ From the Ranch นั้น เลือกได้ว่าจะทานไก่เลี้ยงปล่อยกับข้าวโพดอ่อน หรือเนื้อสันในบ่ม (dry aged) นาน 30 วัน ปิดท้ายด้วยขนมที่แม้จะทำให้รู้สึกผิด แต่ก็ห้ามพลาด ตัดสินใจให้ดีระหว่างข้าวเหนียวมะม่วงเสิร์ฟพร้อมมะพร้าวคั่ว หรือช็อกโกแลตจากฟาร์มที่เชียงใหม่
ที่ตั้ง: 399/3 ซอยสีลม 7 แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
โทรศัพท์: 09 2919 9969
ข้าวแช่ จากร้านฤดู ภาพจาก: Facebook Page ร้านฤดู
สวรรค์ (รางวัล 1 ดาวมิชลิน)
สวรรค์อาจจะเป็นน้องใหม่ในวงการอาหารไทยร่วมสมัย แต่ทางร้านสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ตัวร้านปรับปรุงมาจากห้องแถวในย่านสวนพลู ที่กำลังกลายเป็นศูนย์กลางร้านอาหารและบาร์อีกแห่งของเมืองกรุง ภายในร้านตกแต่งด้วยผนังสีดำ และพื้นไม้สีเข้ม พร้อมแสงไฟช่วยสร้างบรรยากาศดั่งอยู่บนสวรรค์ตามชื่อร้านร้านที่เชฟอ้อม สุจิรา พงษ์มอญเป็นผู้บริหารแห่งนี้เสิร์ฟเมนู 10 คอร์สที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล แต่ละคอร์สรังสรรค์ขึ้นด้วยเทคนิคการทำอาหารไทยที่เราคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นผัด นึ่ง หรือย่าง เนื่องจากทางร้านต้องการสืบสานวัฒนธรรมไทย วัตถุดิบที่ใช้จึงเป็นวัตถุดิบท้องถิ่นเท่านั้น รวมไปถึงเครื่องตกแต่งอย่างใบตองหรือเปลือกไข่ เมนูที่นำเสนอเรารู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่นำมาใส่ความสร้างสรรค์แบบสวรรค์เข้าไป อาหารทุกจานแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและประณีต สัมผัสได้ถึงความงดงามของเทคนิคการรังสรรค์และจัดวาง โดยไม่ดูยัดเยียดหรือพยายามจนเกินไป ทุกคอร์สมาพร้อมกับเรื่องราวที่เล่าขานอย่างบรรจง เติมเต็มประสบการณ์มื้อค่ำคุ้มค่ากับการรอคอย
ทางร้านจัดหมวดหมู่คอร์สต่าง ๆ ด้วยวิธีการรังสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นจานจิ้ม (Dip) อย่างมันปูนาเสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวย่าง จานหมัก (Fermented) อย่างแหนมหมูข้าวทอด จานต้ม (Boiled) อย่างต้มเนื้อหน่อไม้ใบย่านาง หรือจานแกง (Curry) อย่างพะแนงปลา
คุณสามารถเลือกจับคู่กับไวน์หรือชาได้ ไวน์ที่ทางร้านคัดสรรมาเป็นมีทั้งไวน์โลกเก่าและโลกใหม่ ไล่ตั้งแต่ฝรั่งเศสจนถึงออสเตรเลีย ลองจิบ Pinot Gris หรือ Muscat ไปด้วยระหว่างมื้อ แล้วคุณจะไม่อยากให้การเดินทางมื้อนี้จบลง ส่วนชาที่ร้านจะมาไร่ทางภาคเหนือของไทย
ที่ตั้ง: 39/19 ซอยสวนพลู ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
โทรศัพท์: 06 3370 1991
ซุบเนื่อใส่ใบย่านางจากร้านสวรรค์ ภาพจาก: เว็บไซต์ร้านสวรรค์
สระบัว บาย กิน กิน (รางวัล 1 ดาวมิชลิน)
ร้านในโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ แห่งนี้นำเมนูไทยดั้งเดิมมาเสริมความทันสมัย ตัวร้านเกิดจากความคิดของเชฟ Henrik Yde-Andersen ผู้บริหารร้าน Kiin Kiin ในกรุงโคเปนเฮเกน ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยน้อยร้านที่ได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลินร้านสระบัวให้บริการตั้งแต่เที่ยงวัน เมนูที่ร้านมีให้เลือกทั้ง a la carte มื้อเที่ยงแบบ 4 คอร์ส และมื้อค่ำ 8 คอร์ส คอร์สต่าง ๆ จะพาคุณเปิดประสบการณ์อาหารไทยสมัยใหม่อย่างเต็มอิ่ม เริ่มจากต้มโคล้งล็อบสเตอร์ หอมกลิ่นขิงและมะนาว ตามด้วยปลาในสายหมอกที่นำเซบิเช่ (Ceviche) มาใส่ความเป็นไทย ไล่ไปถึงพะโล้ปลากะพงที่ผสานเครื่องเทศ 5 อย่างเข้าด้วยกัน และปิดท้ายด้วยพฤกษชาติ ของหวานที่ได้แรงบันดาลใจจากผลงานของศิลปิน Vers Yves Klein ถ้าคุณอยากจัดคอร์สต่าง ๆ ตามใจตัวเอง ทางร้านก็มีให้เลือกทั้งจานก่อนข้าว จานหลัก และของหวาน เราขอแนะนำปูหิมะ เนื้อตุ๋นผัดฉ่าและไก่สอดไส้ ถ้าต้องการฉลองโอกาสพิเศษ หรือสร้างความประทับใจแก่นักลงทุนที่บินมาดูงาน ร้านนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง
ที่ตั้ง: 991/9 ถนนพระราม 1 แขวง/เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทรศัพท์: 02 162 9000
เมนูสร้างสรรค์จากร้านสระบัว บาย กิน กิน
อิษยา สยามมิสคลับ (รางวัลมิชลิน เพลท)
ร้านอิษยาเป็นผลิตผลทางความคิดของเชฟ นักเขียน และกรรมการรายการโทรทัศน์ชื่อดังอย่างเชฟเอียน พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย ร้านตั้งอยู่ในบ้านไทยสไตล์โคโลเนียล มีห้องอาหารอยู่ภายในและระเบียงโอ่โถงด้านนอก เมนูที่ร้านเป็นอาหารไทยร่วมสมัย รังสรรค์จากวัตถุดิบท้องถิ่น มีทั้งเมนูปกติและเมนูตามฤดูกาล รวมไปถึงค็อกเทลสุดสร้างสรรค์ และในฐานะที่เชฟเอียนเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกแนวคิด farm to table ในประเทศจึงไม่น่าแปลกใจที่ในบริเวณบ้านยังมีสวนผักและสมุนไพรอีกด้วยตัวร้านตกแต่งแบบบาร์เลานจ์ ถ่ายรูปสวยทุกมุม ทั้งด้านในและด้านนอก วัสดุตกแต่งต่าง ๆ ก็ใช้ของในประเทศเช่นเดียวกับวัตถุดิบ เชฟเอียนนำประสบการณ์ในวัยเด็กที่เขาต้องไปจ่ายตลาดและช่วยคุณแม่ทำอาหารอยู่เสมอมาเป็นแรงบันดาลใจในการนำเสนอประสบการณ์ทานอาหารที่ร้าน เมนูต่าง ๆ ต้องทำจากวัตถุดิบที่สด ส่งตรงจากแหล่ง ให้รสชาติแบบดั้งเดิม เมนูที่ร้านทั้งแบบ a la carte และแบบ set 2 แบบ ได้แก่ Issaya Set Menu และ Chef Ian Kittichai’s Tasting Menu
Chef Ian Kittichai’s Tasting Menu สร้างความประทับใจด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยจานแรกอย่างไส้กรอกทะเล homemade และจานสุดท้ายอย่างกระดูกหมูอบซอส แต่แสร้งว่าปูก็อร่อยไม่แพ้กัน จานหลักจะเปิดด้วยห่อหมกกุ้งมังกร ตามด้วยแกงคั่วเนื้อ แต่จานที่เราตั้งหน้าตั้งตาคอยคือเมนูที่เพิ่มมาใหม่อย่างข้าวอบหม้อดินหน่ำเลียบกับเห็ดเผาะจากเชียงใหม่
ที่ตั้ง: 4 ซอยศรีอักษร ถนนเชื้อเพลิง แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
โทรศัพท์: 062 787 8768
แสร้งว่าปูจากร้านอิษยา สยามมิสคลับ ภาพจาก: อิษยา สยามมิสคลับ
น้ำซ่าส์ บอทเทอลิ่ง ทรัสต์ (รางวัลมิชลิน เพลท)
ร้านน้ำซ่าส์เป็นอีกผลงานจากเชฟเอียนที่จับมือกับหุ้นส่วนน่าสนใจอีก 3 รายจากวงการบาร์ ศิลปะ และดนตรี ด้วยอิทธิพลจากหลากหลายแนวคิด ร้านน้ำซ่าส์บอกว่าตัวเองเป็นบาร์อาหารเอเชีย ส่วนเราคิดว่ามันเป็นร้านอาหารร่วมสมัยที่ต้องมาตัวร้านสะดุดตาด้วยสีชมพูสดใส บ้านสไตล์โคโลเนียลแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจอย่างสีลม คำว่าน้ำซ่าส์เป็นคำที่คนสมัยก่อนใช้เรียกโซดา แค่ฟังก็สดชื่น มีพลัง เหมาะกับการมาทานอาหารร่วมสมัยที่สุด
ไม่ว่าจะมาเพื่อดื่มหรือทาน ที่ร้านพร้อมตอบโจทย์ ค็อกเทลแบบดั้งเดิมถูกนำมาเสริมความทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น whiskey sour ที่นำแสงโสมมาผสมกับ salted caramel หรือ Roasted Tangerine Negroni ที่เติมน้ำส้มเขียวหวานสดเสริมความสดชื่นไปอีกขั้น ส่วนค็อกเทลตัวอื่นแค่ฟังก็มันแล้ว ทั้ง Sex on The BTS หรือ Thai Massage Mojitos
เมนูอาหารก็สนุกสนานไม่แพ้กัน เริ่มจากเมนูเรียกน้ำย่อย กุ้งป๊อปคอร์นกับซอสศรีราชา รสเผ็ดร้อน มีส่วนผสมของโซดา กัดแล้วอาจได้รสซ่าในปาก ทอดมันยำปลาหมึก ทำจากปลาหมึกและกุ้งสับราดน้ำยำรสเผ็ดหวาน ก็เป็นอีกเมนูเด่นที่น่าลอง ถ้ามากับกลุ่มเพื่อนจะยิ่งดี เพราะจะได้สั่งโมโมมาทานได้อีก จานนี้คือเกี๊ยวเนื้อวากิวผสานเครื่องเทศจากเทือกเขาหิมาลัยนึ่ง ราดซอสพริกไทยดำ อาหารจานหลัก เราขอแนะนำไก่ซอสส้มจีน กรุบกรอบ เผ็ดหวานจากซอสน้ำตาลโตนดผสมพริก และล็อบสเตอร์ผัดขี้เมา ที่ใช้ซอสพริกไทยอ่อน นอกจากนี้ ยังมีข้าวผัดอินโด (Seafood Nasi Goreng) สูตรเฉพาะของร้าน อัดแน่นไปด้วยกุ้ง หมึก ไข่ปลาแซลมอน และไข่ฝอย ผัดกับซัมบัล และหวังว่าคุณจะเหลือท้องไว้ลองของหวาน อย่างโรตีกล้วยและ Thai Coffee Creme Brulee
ถ้าเมนู a la carte ละลานตาเกินไป สั่ง set menu ที่ทางร้านคัดสรรมาให้แล้วก็ได้ คุณจะได้สนุกกับผัดไทยฉบับน้ำซ่าส์ และแกงกะหรี่แดงเนื้อตุ๋น พร้อมล้างปากด้วยโรตีกล้วย
ที่ตั้ง: 401 ซอยสีลม 7 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
โทรศัพท์: 02 636 6622
ผัดไทยตับห่านจากร้านน้ำซ่าส์ บอทเทอลิ่ง ทรัสต์ ภาพจาก: ร้านน้ำซ่าส์ บอทเทอลิ่ง ทรัสต์
OSHA (รางวัลมิชลิน เพลท)
ร้านหน้าปากซอยรวมฤดีแห่งนี้โดดเด่นชวนมองแต่ไกล คุณไม่มีทางขับเลยไปแน่นอน เมื่อได้ย่างเท้าเข้าไปข้างใน คุณจะต้องอยากถ่ายรูปลง Instagram อวดเพื่อนทุกมุม เมื่อได้ที่นั่งแล้ว จะรู้สึกได้ถึงความใหญ่โตของโต๊ะอาหาร และความนุ่มสบายของโซฟาร้าน OSHA มีเมนูหลากหลาย แต่ละอย่างแสนสร้างสรรค์ OSHA – The Floral Set ราคา 2,200 บาทเสิร์ฟความอร่อย 6 คอร์ส เมนูที่น่าสนใจได้แก่ ยำหอยเชลล์น้ำฟักข้าว (OSHA Ocean & Flora Salad) เนื้อหอยเชลล์จากฮอกไกโดนำมาหมักแล้วทานคู่กับน้ำยำและสมุนไพร และกั้งราดซอสผงกะหรี่ (Rock Lobster and Amber Curry Sauce) กั้งกระดานนึ่งราดแกงกะหรี่เข้มข้น
เมนู a la carte ก็มีให้เลือกเช่นกัน เริ่มเรียกน้ำย่อยด้วยเปาะเปี๊ยะเป็ด รมควันมะพร้าวเผา หรือปลาหมึกผัดไข่เค็มไชยา ก่อนสั่งอาหารจานหลักอย่างปลาหิมะย่างราดเต้าหู้ยี้ หรือ Bangkok Roti แกงเขียวหวานเนื้อวากิวออสเตรเลีย MS8 กลิ่นหอมหวนเสิร์ฟคู่กับโรตี ทานแล้วจะล้มเลิกความคิดทำอาหารไทยทานเองที่บ้านไปเลย
ที่ตั้ง: รอยัล เรสซิเดน ปาร์ค 99 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทรศัพท์: 02 256 6555
Left: ซุบปลาหมึกสอดไส้หมูสับน้ำใส
Right: โรตีบางกอก
ภาพจาก: เว็ปไซต์ร้านโอชา
Right: โรตีบางกอก
ภาพจาก: เว็ปไซต์ร้านโอชา
ภูเก็ต
สวย (สาขาเชิงทะเล) (รางวัลมิชลิน เพลท)
สาขาใหม่ของร้านสวย ยังคงไว้ซึ่งความทันสมัยและหรูหรา และไม่ทิ้งบรรยากาศสบาย ๆ นอกจากตัวร้านด้านในที่ตกแต่งด้วยผนังกระจกใสแล้ว ยังมีสวนด้านนอกที่ให้ความเป็นส่วนตัว เมนูร่วมสมัยที่นี่รังสรรค์ขึ้นจากทั้งวัตถุดิบท้องถิ่นและนำเข้าเริ่มต้นมื้อแบบไทย ๆ ด้วยเมนูทูน่าแซ่บ แจ่วมิโซะ และขลุ่ยลาบไก่ หรือถ้าชอบอาหารฝรั่ง เราขอแนะนำซีซาร์สลัดกุ้งกรอบ และสลัดผักวอเตอร์เครส และน้ำสลัดงาหอมกับไก่ย่าง ส้มตำสูตรพิเศษก็เด็ดตั้งแต่ชื่อ ตำไทยและเนื้อออสเตรเลียริบอายย่าง...สุกกำลังดี ยำปลามาร์ลินย่างและพล่าแซลมอนก็ไม่น่าพลาด
สวยทาโก้ก็ควรสั่ง เลือกได้ด้วยว่าจะทานพร้อมแป้งทาโก้กรอบดั้งเดิมหรือโรตี เนื้อทาโก้ก็เลือกได้ มีทั้งเนื้อสันในออสเตรเลีย ไก่ย่างทันดูรี หรือกุ้งสไตล์ไทย และอย่าลืมสั่งเมนู signature อย่างกุ้งแม่น้ำย่างยำตะไคร้และผัดไทยปูนิ่ม
และในเดือนพ.ค.นี้ ทางร้านเพิ่งเปิดตัวเมนูของหวานเฉพาะสาขาเชิงทะเลอย่าง Yogurt Dumplings Poppyseeds and Thai Tea Custard ไปเมื่อต้นเดือน
ด้วยจำนวนรายการอาหารที่ล้นหลาม คุณชิมได้แค่ครั้งละเสี้ยวหนึ่งจนต้องกลับมาอีกหลายครั้งแน่นอน แต่นั่นก็หมายความว่า ทุกครั้งที่มาร้านสวย คุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่ตลอดเวลา
ที่ตั้ง: วนาปาร์ค 177/99 หมู่ 4 ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง ภูเก็ต 83110
โทรศัพท์: 093 339 1890
โยเกิร์ตเกี๊ยวงาดำและคัสตาร์ดชาไทย ภาพจาก: ร้านสวย
