คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ เปิดตัวร้านที่ได้รับคัดเลือกประจำปี 2565 ผ่านงานแถลงข่าวแบบไลฟ์สดให้คนรักอาหารทุกมุมโลกได้รับชม คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับกรุงโซล ประจำปี 2565 ร่วมเฉลิมฉลอง “โลกกลางโซล” ผ่านร้านอาหารที่ได้รับคัดเลือกทั้งหมด 169 แห่ง โดยรวมร้านรางวัลดาวมิชลิน 33 แห่ง
• ร้านที่ได้รับคัดเลือกมีทั้งหมด 169 แห่ง ประกอบด้วยร้านรางวัลหนึ่งดาวมิชลิน 24 แห่ง รางวัลสองดาวมิชลิน 7 แห่ง และสามดาวมิชลิน 2 แห่ง
• ร้านอาหาร 5 แห่งได้รับรางวัลดาวมิชลินเป็นครั้งแรก และมี 2 ร้านที่ได้ยกระดับจากมิชลิน เพลทมาเป็นหนึ่งดาวมิชลิน
• ร้านอาหาร 1 แห่งได้ติดดาวเพิ่มจาก 1 เป็นสองดาวมิชลิน
• ‘มิชลิน ไกด์’ เปิดตัวรางวัลพิเศษ 2 รางวัล
“ปีนี้เป็นที่ 6 ของการจัดทำคู่มือฉบับโซล และถึงแม้โควิดจะระบาด เรากลับตื่นเต้นที่จะประกาศว่า คู่มือปีนี้เต็มไปด้วยร้านที่เพิ่งได้รับคัดเลือกเป็นครั้งแรกและร้านที่ได้รับการยกระดับ เช่นเดียวกับปีที่ผ่าน ๆ มา ผู้ตรวจสอบของเราให้ความสำคัญกับการคัดเลือกร้านที่ดีที่สุดให้กับคนรักอาหาร” คุณเกว็นดัล ปูลเล็นเนค (Gwendal Poullennec) ผู้อํานวยการฝ่ายจัดทําคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ทั่วโลกกล่าว
“กว่า 2 ปีแล้วที่วิถีชีวิตของเราได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด เราอยากให้ร้านและทีมงานของพวกเขารับรู้ว่า พวกเราเห็นคุณค่าในสิ่งที่เขาทำ ตั้งแต่ช่วงแรกของวิกฤตการณ์นี้ วงการร้านอาหารได้พยายามปรับปรุงและปรับเปลี่ยนเพื่อนำความอร่อยกลับสู่ความรุ่งโรจน์ในฐานะความสุขอันดับต้น ๆ ของชีวิตคนเราอีกครั้ง”
5 ร้านรางวัลหนึ่งดาวมิชลินน้องใหม่
เมื่อกล่าวถึงอาหาร การได้ทานส่วนผสมจากธรรมชาติสดใหม่ที่บอกเล่าถึงเรื่องราวของฤดูนั้นไปพร้อมกันถือเป็นความสุขที่สุดอย่างหนึ่ง ที่ร้าน HANE ความตั้งใจของเชฟ Choi Ju-yong ในการเสาะหาวัตถุดิบธรรมชาติได้สะท้อนออกมาอย่างชัดเจนผ่านอาหารสไตล์ดั้งเดิมที่อัดแน่นไปด้วยรสชาติ
Kojacha — ร้านซึ่งเชฟชาวเกาหลี (Ko) เสิร์ฟอาหารญี่ปุ่น (Ja) และจีน (Cha) ถือเป็นบ้านที่ผสานฝันของเชฟ Choi Yu-gang และ Jo Yeong-du อดีตเชฟโรงแรม The Shilla เข้าด้วยกัน และยังช่วยผลักดันอาหารประเภทใหม่ ๆ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง การจัดไฟแบบวินเทจและเฟอร์นิเจอร์จากยุค 50 และ 60 สร้างบรรยากาศให้งามเด่น เสริมด้วยคอร์สอาหารที่สลับระหว่างเมนูแบบจีนและญี่ปุ่น รวมเป็นประสบการณ์สุดโดดเด่น ยากลืมเลือน
เดินทะลุถนนอันพลุกพล่านใกล้สถานีรถใต้ดินมหาวิทยาลัยฮงอิกแล้วคุณจะเจอร้าน YUN อยู่บนชั้นสองของบ้านที่นำมาตกแต่งใหม่ อาหารเกาหลีที่นี่ผสานสิ่งที่คุ้นเคยกับสิ่งที่คาดไม่ถึงให้เข้ากันเป็นอย่างดี แต่ละจานชูรสเด่นของแต่ละวัตถุดิบ พร้อมสะท้อนความเชื่อของเชฟที่ว่า ทุกจานต้องรังสรรค์ใหม่ทุกครั้ง ด้วยวัตถุดิบสดจากธรรมชาติ
ส่วนร้าน Sushi Sanghyeon ตั้งอยู่ชั้นแรกของตัวบ้าน ในร้านมีแค่เคาน์เตอร์รองรับแขกได้เพียง 6 ที่นั่ง ตัวร้านอาจดูลึกลับ แม้แต่ปุ่มเปิดประตูยังพรางตา จุดเด่นของร้านคือรสชาติที่เรียบง่าย ไม่ปรุงแต่งมากเกินไป
เชฟ Matsumoto Mizuho แห่งร้าน Sushi Matsumoto เป็นที่เลื่องลือในด้านการรังสรรค์อาหารแบบดั้งเดิมภายใต้บรรยากาศท้องถิ่น แทนที่จะทำเมนูตามกระแส ร้านซูชิแห่งนี้กลับมุ่งมั่นที่จะรังสรรค์ซูชิแบบที่ชาวญี่ปุ่นทานขึ้นในใจกลางประเทศเกาหลี สะท้อนอย่างชัดเจนผ่านการปั้นและจัดเรียงข้าว (shari) และหน้า (neta) และบริการที่เอาใจใส่ทุกรายละเอียด
ร้าน 2 แห่งได้ยกระดับเป็นหนึ่งดาวมิชลิน
ร้าน Goryori Ken ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ตัวร้านตั้งอยู่ชั้น 2 ของอาคาร เชฟ Kim Geon เลือกใช้วัตถุดิบเฉพาะฤดูกาลมารังสรรค์เมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความสดใหม่ของวัตถุดิบและความคิดสร้างสรรค์ของเขาเอง เชฟ Kim ให้ความสำคัญกับมาตรฐานอาหารและการบริการอย่างมาก เมนูเครื่องดื่มก็น่าประทับใจ เต็มไปด้วยสาเกชนิดต่าง ๆ ที่ผลิตโดยโรงกลั่นขนาดเล็กทั่วญี่ปุ่น
แม้จะได้แรงบันดาลใจจากอาหารท้องถิ่น แต่ร้าน Soseoul Hannam กลับเน้นการแสดงศักยภาพของวงการอาหารกรุงโซลในยุคปัจจุบัน ทางร้านเสิร์ฟอาหารเกาหลีร่วมสมัย รังสรรค์จากวัตถุดิบที่คนท้องถิ่นคุ้นเคย เมนูที่เชฟสร้างสรรค์ขึ้นอาจเรียกได้ว่าเป็นการนำเมนูและเทคนิคการปรุงพื้นบ้านมาต่อยอด ไม่ว่าจะเป็นสลัด จานทอดหรือจานตุ๋น ทางร้านยังมีเครื่องดื่มพื้นเมืองสำหรับจับคู่ทานกับอาหารอีกด้วย
ร้าน 1 แห่งยกระดับจากหนึ่งดาวมิชลินเป็นสองดาวมิชลิน
ชื่อร้าน Joo Ok เป็นตัวแทนปรัชญาเชฟ Shin Chang-ho ที่ว่า อาหารที่นำเสนอต้องงดงามดั่งมณีล้ำค่า เมนูฝีมือเชฟ Shin ช่วยให้เราประจักษ์ว่า วัฒนธรรมอาหารพื้นเมืองที่เป็นส่วนหนึ่งของประเพณีอันหยั่งรากลึกมายาวนานสามารถสืบต่อมาถึงสมัยปัจจุบันได้อย่างไร วัตถุดิบที่ร้านภูมิใจนำเสนอประกอบด้วยของหมักดองกว่า 30 ชนิด น้ำมันงาขี้ม้อนอันขึ้นชื่อของร้านสกัดจากเมล็ดที่ปลูกจากฟาร์มของครอบครัวในเมืองชินจู ร้านยังมอบวิวอันสวยงามของย่านที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของกรุงโซลอีกด้วย
ในฉบับล่าสุดนี้ ร้าน Gaon และ La Yeon ยังสามารถรักษาสถานะร้าน 3 ดาวมิชลินไว้ได้ ต้องขอปรบมือให้กับความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อของทีมงานทั้ง 2 ร้าน ส่วนร้าน Hwanggeum Kongbat และร้าน A Flower Blossom ยังคงได้รับรางวัลดาวมิชลินรักษ์โลก (MICHELIN Green Stars) ต่ออีกปีจากโครงการต่าง ๆ ที่สร้างความยั่งยืนในวงการอาหาร
เปิดตัว 2 รางวัลพิเศษในงานประกาศผลร้านรางวัลดาวมิชลิน กรุงโซลประจำปี 2565
ปีที่ผ่านมา ‘มิชลิน ไกด์’ ได้เปิดตัว 2 รางวัลพิเศษสำหรับฉบับกรุงโซลเป็นครั้งแรก ได้แก่ รางวัล MICHELIN Young Chef Award และรางวัล MICHELIN Mentor Chef Award รางวัลทั้งสองจัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนความเป็นมืออาชีพ และความมุ่งมั่นของผู้ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้ดี
รางวัล MICHELIN Seoul Young Chef Award ประจำปี 2565 : เชฟ Kim Bo-Mi (ร้าน Mitou)
เชฟ Kim Bo-Mi เกิดเมื่อพ.ศ. 2533 เป็นเจ้าของร่วมแห่งร้าน Mitou ที่สร้างบรรยากาศด้วยการจัดไฟอันสวยงาม และเมนูไคเซกิจากฝีมือสุดละเอียดอ่อนของเธอ ซึ่งผ่านการฝึกฝนระหว่างทำงานในญี่ปุ่น เธอและเชฟ Kwon Young-woon เปิดร้าน Mitou ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 โดยทางร้านนำเสนออาหารญี่ปุ่นทั้งแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่ซึ่งรังสรรค์จากวัตถุดิบท้องถิ่นของเกาหลี
รางวัล MICHELIN Seoul Mentor Chef Award ประจำปี 2565 : เชฟ Jang Myeong-Sik (ร้าน L’Amitié)
เชฟ Jang Myeong-Sik เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ณ ร้านอาหารฝรั่งเศส Ninth Gate ในโรงแรม Chosun มากว่า 11 ปี เขาเริ่มงานที่ร้าน L'Amitié ในพ.ศ. 2542 และกลายมาเป็นเจ้าของร้านในปี 2549 ด้วยความรักในสิ่งที่ทำ เขาไปเลือกซื้อวัตถุดิบจากตลาดด้วยตนเองทุกเช้า อธิบายเมนูแต่ละคอร์สให้ลูกค้าฟัง แถมยังเป็นซอมเมอลิเยร์ให้อีกด้วย ร้านนี้เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสแห่งเดียวในเกาหลีที่ชื่อคล้องจองกับคำว่า “วัฒนธรรม”
สรุปผลการคัดเลือกร้านอาหารสำหรับ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับกรุงโซล ประจำปี 2565 :
- ร้านรางวัลสามดาวมิชลิน 2 แห่ง
- ร้านรางวัลสองดาวมิชลิน 7 แห่ง (ยกระดับ 1 ร้าน)
- ร้านหนึ่งดาวมิชลิน 24 แห่ง (ร้านใหม่ 5 แห่ง ยกระดับ 2 แห่ง)
- ร้านรางวัลบิบ กูร์มองด์ 61 แห่ง (ร้านใหม่ 4 แห่ง)
- ร้านดาวมิชลินรักษ์โลก 2 แห่ง
- ร้านที่ได้รับคัดเลือก 75 แห่ง (ร้านใหม่ 8 แห่ง)
