องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ประเมินว่า ในแต่ละปี มีอาหารที่ถูกทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ (food waste) ประมาณ 1 ใน 3 ของอาหารทั้งหมดที่มนุษย์ผลิตขึ้น คิดเป็นปริมาณกว่า 1,300 ล้านตัน ซึ่งปริมาณดังกล่าวเพียงพอต่อการเลี้ยงประชากรกว่า 3,000 ล้านคนเลยทีเดียว
เมื่อลองคิดถึงทรัพยากรที่เราต้องใช้ผลิต จัดเก็บ และนำส่ง ไม่ว่าจะเป็นที่ดินเพาะปลูก น้ำ พลังงาน และแรงงาน การกินอาหารทิ้งขว้างหรือปล่อยให้เน่าเสียส่งผลเสียต่อธรรมชาติในวงกว้าง ถ้าลอง เปรียบขยะอาหารเป็นประเทศ ดินแดนแห่งนี้จะเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดัน 3 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกาและจีน
ในอุตสาหกรรมด้านบริการ มีการทิ้งอาหารที่ทำจำหน่ายลงขยะสูงถึง 40% อีกนัยหนึ่งคือการโยนเงินทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่น้อยคนนักที่จะคำนึงถึงจุดนี้
LightBlue สามารถช่วยอุตสาหกรรมด้านบริการจัดการปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ทางบริษัทจะช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องทราบว่ามีอาหารถูกทิ้งมากน้อยเพียงใด ทำไมจึงทิ้ง อาหารที่เหลือทิ้งเป็นขยะประเภทไหน ใครเป็นคนทิ้ง เมื่อไหร่ รวมถึงมูลค่าของขยะดังกล่าว คำตอบที่ได้จะช่วยกระตุ้นให้ทุกคนที่มีส่วนร่วมมองเห็นถึงความรุนแรงและความสำคัญของปัญหานี้ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง
ในฐานะที่ 'มิชลิน ไกด์' มีส่วนในการขับเคลื่อนวงการอาหาร เราจึงอยากให้ผู้คนทั่วโลกตื่นตัวและหันมาร่วมลดขยะอาหาร โดยเราจะขอเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงนี้
งานประกาศผลรางวัล 'มิชลิน ไกด์' ประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2563 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 นี้ มีแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานกว่า 600 ท่าน เราจึงร่วมมือกับ LightBlue เพื่อจัดการไม่ให้เหลือขยะอาหารที่ต้องนำไปฝังกลบ (Zero Food Waste to Landfill) ผ่านวิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำความเข้าใจกับทีมเชฟ โดยให้ความรู้ และช่วยออกแบบเมนู การออกแบบระบบส่งต่ออาหาร (food rescue) การให้ความรู้แก่ผู้ช่วยเชฟและบุคคลที่เกี่ยวข้อง การร่วมมือกับมูลนิธิต่าง ๆ ที่จะมารับอาหารส่วนเกินเพื่อส่งต่อให้ผู้ขาดแคลน และการแปลงขยะสดเป็นอาหารสัตว์หรือปุ๋ย
คุณ Gaëlle Van Hieu รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิชลิน เอ็กซ์พีเรียน ประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “การสร้างและส่งเสริมความยั่งยืนเป็นเป้าหมายหนึ่งของกลุ่มบริษัทมิชลินทั่วโลกค่ะ มันไม่ใช่กระแส แต่เป็นสิ่งจำเป็นต้องทำ ในปัจจุบัน ร้านอาหาร เชฟ และคนในวงการอาหารต่างริเริ่มแนวทางและกระบวนการใหม่ ๆ มาสักพักใหญ่แล้ว เพื่อให้กิจกรรมที่พวกเขาทำส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด”
วิธีการดังกล่าวจะถูกประเมินด้วยตัวชี้วัดต่าง ๆ เช่น ปริมาณอาหารที่นำไปบริจาค (หน่วยวัดเป็น กก.) จำนวนมื้ออาหารที่ส่งต่อให้ผู้ขาดแคลน ปริมาณอาหารที่นำไปแปรรูป (หน่วยวัดเป็น กก.) และจำนวนก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงซึ่งวัดด้วยโปรแกรม Food Excess Monitoring (FEM)
คุณ Benjamin Lephilibert ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหารบริษัท LightBlue เสริมว่า “ในฐานะ Technical Sustainability Partner เราจะนำความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมาปรับใช้เพื่อให้งานนี้ไม่เหลือขยะอาหารที่ต้องนำไปฝังกลบ 100% ถือเป็นงานที่ท้าทายที่สุดงานหนึ่งเลยครับ ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า งานนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทุกคนหันมารังสรรค์อาหารโดยเน้นความยั่งยืนมากขึ้น”
LightBlue จัดลำดับความสำคัญของกระบวนการลดขยะอาหารในรูปแบบพีระมิด โดยเริ่มจากแนวปฏิบัติที่ดีสุดก่อน ซึ่งก็คือการป้องกัน และไล่ระดับไปเป็นการนำไปเลี้ยงผู้คน นำไปเลี้ยงสัตว์ และแปรรูป เพื่อหลีกเลี่ยงการนำไปฝังกลบ ซึ่งเป็นวิธีการที่แย่ที่ที่สุด
คุณ Gaëlle เสริมว่า “นอกจากกระบวนการทางเทคนิคที่ยั่งยืนแล้ว เรายังสนับสนุนให้เหล่าเชฟเฟ้นหาวัตถุดิบจากท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภาคเหนือ (คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2563 นี้ เป็นฉบับแรกที่เรารวมร้านเด็ดในเชียงใหม่เอาไว้)"
คลิกที่นี่เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ: https://www.lightblueconsulting.com/zero-food-waste-to-landfill