ท่องเที่ยว 6 minutes 02 กันยายน 2021

พิกัดอร่อยน่าไป เที่ยวทั่ว 5 ถิ่นไทย ชิมอาหารแห่งวัสสานฤดู

นี่คือพิกัดห้ามพลาดในช่วงหน้าฝน

ฤดูฝนของไทยเป็นช่วงเวลาแห่งความอุดมสมบูรณ์และสวยงาม เพราะไม่ว่าจะท่องเที่ยวไปยังแห่งหนไหนในประเทศไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้ต่างก็มีธรรมชาติที่งดงามเปี่ยมเสน่ห์แห่งวัสสานฤดูอันชุ่มฉ่ำ มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจและมีกิจกรรมมากมายให้ทำ แถมยังอุดมไปด้วยอาหารพื้นถิ่นให้ได้ลิ้มรส มาดูกันดีกว่าว่า 5 จังหวัดไหนที่ ‘มิชลิน ไกด์’ อยากแนะนำให้คุณได้ไปเยือนในฤดูฝน แต่ละแห่งมีสถานที่ใดน่าเช็กอิน และมีอาหารถิ่นอะไรที่ควรค่าแก่การเปิดประสบการณ์กันบ้าง

นาบนเขาที่หมู่บ้านแม่แจ่มในจังหวัดเชียงใหม่งดงามเป็นพิเศษในฤดูฝน (© Shutterstock)
นาบนเขาที่หมู่บ้านแม่แจ่มในจังหวัดเชียงใหม่งดงามเป็นพิเศษในฤดูฝน (© Shutterstock)

เชียงใหม่ 
ขึ้นชื่อว่าเป็นจังหวัดสำคัญอันดับหนึ่งของภาคเหนือ โดยเฉพาะในแง่ของการท่องเที่ยว ด้วยภูมิศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติทำให้เชียงใหม่มีพร้อมทุกอย่างทั้งป่าเขาลำเนาไพร น้ำตก อุทยานแห่งชาติ ไร่นาของชาวบ้าน ซึ่งจะเขียวขจีและร่มรื่นเป็นพิเศษในช่วงฤดูฝน อีกทั้งนอกจากวัฒนธรรมอันงดงามแล้วเชียงใหม่ยังเต็มไปด้วยโรงแรม รีสอร์ต และร้านอาหารดี ๆ มากมายหลายระดับ ตั้งแต่อาหารข้างทางราคาเป็นมิตรไปจนถึงร้านไฟน์ไดนิ่งของเชฟยอดฝีมือที่ยกระดับอาหารโดยใส่กลิ่นอายท้องถิ่นลงไป สำหรับอาหารที่เราอยากแนะนำและถือเป็นจานห้ามพลาดเลยมีดังนี้

ข้าวซอยลำดวนฟ้าฮ่าม และข้าวซอยเสมอใจ (© MICHELIN Guide Thailand)
ข้าวซอยลำดวนฟ้าฮ่าม และข้าวซอยเสมอใจ (© MICHELIN Guide Thailand)

“ข้าวซอย” ก๋วยเตี๋ยวในน้ำซุปเครื่องแกงรสจัดจ้านซึ่งมีต้นกำเนิดจากชาวจีนมุสลิมที่อพยพมาอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย อาหารเส้นชนิดนี้รับประทานคู่กับพริกเผา ผักดอง และหอมแดง นับเป็นอาหารเส้นที่แพร่หลายในภาคเหนือโดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีร้านข้าวซอยดีเด็ดอย่างข้าวซอยแม่มณี (รางวัลบิบ กูร์มองด์), ข้าวซอยแม่สาย (รางวัลมิชลิน เพลท), ข้าวซอยนิมมาน ​(รางวัลมิชลิน เพลท) และข้าวซอยลำดวนฟ้าฮ่าม (สาขาเจริญราษฎร์) (รางวัลมิชลิน เพลท)

น้ำพริกอ่องและน้ำพริกหนุ่ม สองน้ำพริกที่เป็นตัวแทนรสชาติของภาคเหนือ (© Krua Phech Doi Ngam)
น้ำพริกอ่องและน้ำพริกหนุ่ม สองน้ำพริกที่เป็นตัวแทนรสชาติของภาคเหนือ (© Krua Phech Doi Ngam)

“น้ำพริกเมืองเหนือ” น้ำพริกเป็นอาหารซึ่งเป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วทุกภาคของประเทศไทย แต่หากพูดถึงน้ำพริกที่เป็นตัวแทนภาคเหนือได้ดีที่สุดแล้วละก็คงไม่มีอะไรเกินกว่า “น้ำพริกอ่อง” และ “น้ำพริกหนุ่ม” ที่รับประทานคู่กับผักสดนึ่งนานาชนิดและออร์เดิฟวร์เมืองอย่างแคบหมู จิ้นส้ม ไส้อั่ว และไข่ต้ม ในจังหวัดเชียงใหม่มีร้านอาหารเมืองเก่าแก่และมีชื่อเสียงซึ่งหาน้ำพริกเมืองเหนือทั้งสองชนิดรับประทานได้อยู่หลายร้าน เช่น ครัวเพชรดอยงาม (ครัวเมืองคลาสสิค) (รางวัลมิชลิน เพลท), ลำดีตี้ขัวแดง (รางวัลมิชลิน เพลท), ฮ้านถึงเจียงใหม่ (รางวัลบิบ กูร์มองด์), เฮือนม่วนใจ๋ (รางวัลบิบ กูร์มองด์) และเฮือนสุนทรี (รางวัลบิบ กูร์มองด์) เป็นต้น

Check-in Point: ดอยอินทนนท์, บ้านป่าบงเปียง, ดอยสุเทพ, น้ำตกตาดหมอก, ม่อนแจ่ม, วัดต่าง ๆ ในอำเภอเมือง, ถนนนิมมานเหมินทร์ ฯลฯ


แหลมพรหมเทพ จุดชมวิวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดภูเก็ต (© Shutterstock)
แหลมพรหมเทพ จุดชมวิวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดภูเก็ต (© Shutterstock)

ภูเก็ต
จังหวัดที่เป็นเกาะท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศไทย แม้เป็นเกาะติดทะเลแต่ไม่จำเป็นว่าต้องมาเที่ยวกันในหน้าร้อนเท่านั้น แถมมาเที่ยวหน้าฝนยังมีข้อดีเสียอีก เพราะช่วงกรีนซีซันอย่างนี้อากาศไม่ร้อนจนเกินไป อีกทั้งนอกจากชายหาดและทะเลแล้วภูเก็ตยังมีวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอย่างย่านเมืองเก่าซึ่งเต็มไปด้วยอาคารโบราณ ไปจนถึงไลฟ์สไตล์เทรนดี้หลากหลายให้เลือกสัมผัสเปิดประสบการณ์ ที่สำคัญอีกอย่างคือวัฒนธรรมอาหารเพอรานากันอันเกิดจากความเป็นเมืองพหุสังคม เพราะภูเก็ตเป็นถิ่นที่หล่อหลอมชนหลายเชื้อชาติเข้าไว้ด้วยกันนับแต่อดีต ส่งผลให้มีอาหารการกินอันเป็นเอกลักษณ์ ภูเก็ตจึงได้รับเลือกจาก UNESCO ให้เป็น “Creative City of Gastronomy” และสำหรับอาหารจานเด็ดของภูเก็ตที่ ‘มิชลิน ไกด์’ แนะนำว่าไม่ควรพลาด ได้แก่

แกงกะทิปู (© ชหัสชัย ลิมป์ศุภฤกษ์/ MICHELIN Guide Thailand)
แกงกะทิปู (© ชหัสชัย ลิมป์ศุภฤกษ์/ MICHELIN Guide Thailand)

“แกงกะทิปู” เนื้อปูคุณภาพเยี่ยมจากท้องทะเลอันดามันและเครื่องแกงใต้รสจัดจ้านทำให้อาหารจานนี้ของภูเก็ตเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว ไม่ว่าจะรับประทานแกงปูร่วมกับข้าวสวย เส้นหมี่ หรือขนมจีนก็ล้วนเข้ากันทั้งนั้น ร้านอาหารพื้นเมืองชื่อดังหลายร้านต่างก็มีเมนูแกงปูที่อร่อยต่างกันไปในแนวทางของตน เช่น วันจันทร์ (รางวัลบิบ กูร์มองด์), ระย้า (รางวัลบิบ กูร์มองด์), น้ำย้อย (รางวัลบิบ กูร์มองด์), หมอมูดง (รางวัลบิบ กูร์มองด์), ตาทวย (รางวัลบิบ กูร์มองด์) และน้ำยา (รางวัลมิชลิน เพลท) เป็นต้น

หมี่สะปำ (© Meesapam Khun Yai Chian)
หมี่สะปำ (© Meesapam Khun Yai Chian)

“หมี่สะปำ” คือผัดหมี่สไตล์ฮกเกี้ยน เป็นอาหารที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษชาวจีนฮกเกี้ยนที่อพยพย้ายถิ่นฐานมายังภูเก็ตในอดีต เส้นบะหมี่เหลืองกลมเส้นใหญ่เหนียวนุ่มนำมาผัดกับอาหารทะเลคุณภาพเยี่ยมอย่างเชี่ยวชาญ นับเป็นอาหารจานเด็ดขึ้นชื่อของภูเก็ตที่ต้องหารับประทานให้ได้ โดยเฉพาะร้านหมี่สะปำคุณยายเจียรที่ได้รางวัลมิชลิน เพลทและเปิดขายมายาวนานกว่า 70 ปี ส่วนอีกร้านรางวัลมิชลิน เพลทที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กันคือร้านหมี่ต้นโพธิ์ (สาขาวงเวียนหอนาฬิกา) ที่ก็ถือเป็นร้านดีร้านเด็ดคู่เมืองภูเก็ตอีกร้าน

Check-in Point: ย่านเมืองเก่าภูเก็ต, ถนนดีบุก, แหลมพรหมเทพ, จุดชมวิวผาหินดำ, หาดป่าตอง, หาดกะตะ ฯลฯ


  พระอาทิตย์ขึ้นที่เสม็ดนางชี จุดชมวิวไอคอนิกของจังหวัดพังงา (© Shutterstock)
พระอาทิตย์ขึ้นที่เสม็ดนางชี จุดชมวิวไอคอนิกของจังหวัดพังงา (© Shutterstock)

พังงา
อีกหนึ่งจังหวัดทางภาคใต้ของไทยที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งภูมิทัศน์อันงดงามของทะเล เกาะ ป่า เขา น้ำตก อุทยานแห่งชาติ รวมถึงเมืองเก่าที่อุดมไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์อย่าง “ตะกั่วป่า” ศิลปวัฒนธรรม และกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เหมาะกับการท่องเที่ยวในทุกฤดูกาลไม่เว้นแม้ในฤดูฝน และที่แน่นอนคืออาหารท้องถิ่นอันเลิศรส

ขนมจีนป้าศล และบะกุ๊ดเต๋ (© MICHELIN Guide Thailand)
ขนมจีนป้าศล และบะกุ๊ดเต๋ (© MICHELIN Guide Thailand)

“ขนมจีนปักษ์ใต้” ชาวปักษ์ใต้นิยมรับประทานขนมจีนกันเป็นพิเศษ ถือเป็นอาหารหลักรองจากข้าวก็ว่าได้ เพราะกินได้ตลอดทั้งวันไม่มีเบื่อจนถึงขนาดมีคำกล่าวของผู้เฒ่าผู้แก่ว่า “หากตายแล้วช่วยทำบุญขนมจีนไปให้ด้วย” การเปิดประสบการณ์รับประทานขนมจีนเส้นสดที่จัดเต็มด้วยเครื่องเคียงและผักเหนาะตามประสาชาวใต้แท้ ๆ จึงเป็นมื้อที่ควรจัดสักครั้งเมื่อไปเยือนถิ่นพังงา ร้านรางวัลบิบ กูร์มองด์อย่างขนมจีนป้าศล ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามศาลเจ้าแม่ม่าจ้อโป๋ คนท้องถิ่นรู้กันดีว่าขึ้นชื่อเรื่องขนมจีนมานานกว่า 30 ปีแล้ว ด้วยขนมจีนเส้นสดและน้ำยาปรุงเอง 4 อย่าง ได้แก่ น้ำยา น้ำพริก ไตปลา และแกงป่า พรั่งพร้อมด้วยเครื่องเคียงไม่อั้นถึงกว่า 20 อย่าง ทั้งผักสด ไข่ต้ม และปลาจิ้งจั้งทอด นับเป็นร้านเด็ดไม่ควรพลาด

ส่วนอาหารอีกอย่างที่อยากแนะนำให้ได้ชิมกันนั้นเป็นมรดกทางรสชาติของชาวไทยพังงาเชื้อสายจีน นั่นคือ “บะกุ๊ดเต๋” น้ำซุปหม้อไฟกระดูกเครื่องยาจีนซึ่งเสิร์ฟมาแบบร้อน ๆ ร้านเทียนเหล็ง บะกุ๊ดเต๋ มีบะกุ๊ดเต๋สูตรลับต้นตำรับ ความพิเศษอยู่ที่น้ำซุปหอมกรุ่นเครื่องยาจีนรสชาติเข้มข้น และซี่โครงหมูตุ๋นที่เปื่อยได้ที่จนเนื้อล่อนออกจากกระดูก

Check-in Point: ย่านเมืองเก่าพังงาและตะกั่วป่า, เสม็ดนางชี, Little Amazon, คลองสังเน่ห์, เกาะยาวน้อย, เกาะปันหยี, เขาพิงกัน ฯลฯ


วัดไชยวัฒนาราม วัดเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนปลาย (© Shutterstock)
วัดไชยวัฒนาราม วัดเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนปลาย (© Shutterstock)

พระนครศรีอยุธยา
เมืองเก่าซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปเพียงไม่ไกล อดีตเคยเป็นราชธานีของไทย อุดมไปด้วยวัดวาอารามและสิ่งก่อสร้างโบราณอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ จึงได้รับยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นเมืองมรดกโลก ด้วยภูมิศาสตร์ที่ตั้งเป็นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้วิถีชีวิตชาวบ้านริมน้ำของไทยยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส ยิ่งหากไปเยือนในหน้าฝนจะยิ่งได้สูดทั้งกลิ่นอายแห่งวันวานและความชุ่มชื่นของสายฝน รวมถึงลิ้มรส “อาหารแห่งสายน้ำ” ซึ่งอยู่ในวิถีชีวิตริมแม่น้ำเจ้าพระยาของชาวไทยอยุธยา

กุ้งแม่น้ำเผา อาหารแห่งสายน้ำที่เป็นจานเด่นขึ้นชื่อของอยุธยา (© Shutterstock)
กุ้งแม่น้ำเผา อาหารแห่งสายน้ำที่เป็นจานเด่นขึ้นชื่อของอยุธยา (© Shutterstock)

“กุ้งแม่น้ำ” กุ้งแม่น้ำแสนสดเนื้อแน่นไซซ์ยักษ์ ย่างเตาถ่านจนหอมกรุ่น รับประทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน ยิ่งนำมันกุ้งเยิ้ม ๆ มาคลุกข้าวสวยร้อน ๆ ยิ่งอร่อยอย่างฟิน ที่อยุธยานั้นเต็มไปด้วยร้านอาหารริมแม่น้ำมากมาย และแทบทุกร้านต้องมีเมนูเด่นจานนี้

ปลาดุกเผาสะเดาหวาน (© Ayutthayarom)
ปลาดุกเผาสะเดาหวาน (© Ayutthayarom)

“ปลาเผาสะเดาหวาน” ด้วยความที่อยุธยาเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เมนูปลาแม่น้ำต่าง ๆ จึงเป็นอาหารที่น่าลิ้มลอง หนึ่งในนั้นคือปลาเผาสะเดาหวาน ซึ่งแต่ละร้านก็เลือกใช้ปลาต่างชนิดกันไป ไม่ว่าจะเป็นปลาดุก ปลาช่อน หรือปลาแม่น้ำอื่น ๆ นำมาปรุง เผากับเตาถ่านจนหอมกรุ่น รับประทานคู่กับสะเดาและน้ำปลาหวานกับหอมเจียว ถือเป็นเมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาดอีกอย่างเมื่อไปเยือนอยุธยา

Check-in Point: วัดใหญ่ชัยมงคล, วัดพระศรีสรรเพชญ์, วัดไชยวัฒนาราม, วัดมหาธาตุ, ตลาดน้ำอโยธยา, ตลาดน้ำวัดท่าการ้อง, ตลาดโก้งโค้ง, หมู่บ้านญี่ปุ่น, พระราชวังบางปะอิน, ปราสาทนครหลวง ฯลฯ


ชุมชนริมน้ำจันทบูรในตัวเมืองจันทบุรี (Jesse33 / Shutterstock.com)
ชุมชนริมน้ำจันทบูรในตัวเมืองจันทบุรี (Jesse33 / Shutterstock.com)

จันทบุรี
จังหวัดชายฝั่งทางภาคตะวันออกของประเทศไทย เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ให้เที่ยวได้เพลิน ๆ ในหน้าฝน เพราะมีทั้งป่าเขาลำเนาไพร น้ำตกพลิ้ว อ่าวทะเลฝั่งภาคตะวันออก ชุมชนริมแม่น้ำจันทบูรที่ไหลผ่านในตัวเมือง ทั้งยังอนุรักษ์อาคารโบราณและวิถีชีวิตในวันเก่าไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยความที่อยู่ติดทะเลจึงขึ้นชื่อเรื่องวัตถุดิบแห่งท้องทะเลที่นำมาปรุงอาหาร นอกจากนี้อาหารจันทบุรียังมีความน่าสนใจในอีกหลายแง่ รวมถึงการเป็นเมืองสวนผลไม้ เราจึงได้เห็นอาหารถิ่นที่นำผลไม้เมืองจันท์มาประยุกต์เป็นอาหารสูตรเด็ดประจำจังหวัดให้ผู้มาเยือนได้ลิ้มลอง โดยเฉพาะในช่วงปลายฤดูร้อนไปจนถึงกลางฤดูฝนที่ผลไม้เมืองจันท์ออกผลงามเป็นพิเศษ ก็เป็นช่วงชุ่มฉ่ำบรรยากาศดีที่แนะนำให้ไปเที่ยวชมและลิ้มรสความอร่อย

น้ำพริกปูไข่ และมัสมั่นไก่ทุเรียน (© Chanthorn Restaurant)
น้ำพริกปูไข่ และมัสมั่นไก่ทุเรียน (© Chanthorn Restaurant)

“น้ำพริกปูไข่” นำพริกแสนอร่อยด้วยส่วนผสมของไข่ปูที่รับประทานเคียงกับผักสดต่าง ๆ เป็นอาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อที่หารับประทานได้จากหลายร้านในจันทบุรี ส่วนอีกเมนูแนะนำคือ “แกงมัสมั่นไก่ทุเรียน” ที่ประยุกต์ใส่ผลไม้อย่างทุเรียนลงไป ซึ่งจันทบุรีนั้นเป็นแหล่งปลูกทุเรียนที่มีชื่อเสียงอีกแหล่งของไทย และก็มีบางร้านดังประจำจังหวัดที่ส่งต่อความอร่อยมายาวนานกว่า 50 ปีถึงขนาดมีเมนูเด็ดทั้งสองจานนี้ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวสายชิมยังสามารถหาจานเด็ดอื่น ๆ ของเมืองจันท์อย่างแกงหมูชะมวง ยำมังคุด หรือเมนูอาหารทะเลอื่น ๆ เพื่อลิ้มรสได้จากหลายร้านเด็ดของจันทบุรีอีกด้วย

Check-in Point: ชุมชนเก่าริมน้ำจันทบูร, อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล, จุดชมวิวเนินนางพญา, อ่าวคุ้งกระเบน, หาดเจ้าหลาว, น้ำตกพลิ้ว, หาดแหลมสิงห์, สวนผลไม้จันทบุรี ฯลฯ

นับได้ว่าทั้ง 5 จังหวัดทั่วถิ่นไทยที่คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ เลือกสรรมานำเสนอต่างก็มีเสน่ห์แห่งวัสสานฤดูอันชุ่มฉ่ำ เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้เช็กอิน แถมยังอุดมไปด้วยอาหารพื้นถิ่นให้ได้ลิ้มรส ซึ่งนักเดินทางสายชิมไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ทั้งยังสามารถค้นหาความสุขตามสไตล์ของเราเองได้จากการท่องเที่ยวในช่วงหน้าฝน เพราะนอกจากจะเป็นโลว์ซีซันที่นักท่องเที่ยวน้อยแต่ยังมีความสดชื่นเขียวขจี ซึ่งเป็นอีกความรู้สึกที่หาไม่ได้ในฤดูอื่น ๆ แต่อย่าลืมระมัดระวังในระหว่างการเดินทาง รวมถึงเพิ่มความมั่นใจในการท่องเที่ยวในช่วงโรคระบาดที่ยังไม่หมดไปด้วยการไม่ลืมมองหาตราสัญลักษณ์ SHA

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการนี้ได้ที่
thailandsha.tourismthailand.org


อ่านต่อ: เปิดสำรับสงกรานต์ เที่ยวตามอัตลักษณ์ท้องถิ่นไทย


ภาพเปิด: © Shutterstock, Courtesy of restaurants mentioned, Sunantha Maidee / MICHELIN Guide Thailand

ท่องเที่ยว

ดูอย่างอื่นต่อ - เรื่องราวที่คุณอาจสนใจ